ประโยชน์ของสับปะรด สับปะรดมีส่วนต่าง ๆ ที่ใช้ประโยชน์ได้กว้างขวาง ดังนี้ 1. เนื้อ ใช้รับประทานสดหรือแปรรูปเป็นสับปะรดแช่อิ่ม สับปะรดกวน สับปะรดแห้ง แยมสับปะรด หรือ บรรจุกระป๋อง และคั้นทำน้ำสับปะรด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือใช้เนื้อสับปะรดผสมกับปลาและเกลือหมักไว้ทำเป็นอาหารที่เรียกว่า "เค็มหมากนัด" 2. ผลพลอยได้จากเศษเหลือ เศษเหลือของสับปะรดส่วนใหญ่จากอุตสาหกรรมบรรจุกระป๋อง สามารถนำมาแปรรูปทำอย่างอื่นได้ เช่น 2.1 น้ำเชื่อม 2.2 แอลกอฮอล์ 2.3 น้ำส้มสายชู และไวน์ 2.4 อาหารสำหรับเลี้ยงวัว 2.5 กรดอินทรีย์ 3 ชนิด คือ กรดซิตริก กรดมาลิก และกรดแอสคอร์บิก 3. ใบ 3.1 เส้นใยจากใบสับปะรด นำมาทอเป็นผ้าใยสับปะรด ในฟิลิปปินส์เรียกว่า "ผ้าบารอง" ราคาแพง นิยมตัดเป็นชุดสากลประจำของชาติฟิลิปปินส์และไต้หวัน 3.2 เยื่อกระดาษจากใยสับปะรด จะได้กระดาษที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือ ความบางมาก มีผิวนุ่มเนียน สามารถบิดงอหรือเปลี่ยนรูปร่างได้ง่าย โดยไม่เสียหาย ในหลายประเทศใช้เป็นกระดาษสำหรับพิมพ์ธนบัตร |
4. เปลือก
การใช้เปลือกสับปะรดเลี้ยงวัว เศษเหลือทิ้งจากโรงงานสับปะรด คือ
เปลือกและแกนกลางซึ่งจะมีน้ำอยู่สูงถึงร้อยละ 90 เมื่อคิดต่อน้ำหนักสดส่วนเหลือทิ้งจะมีโปรตีนและโภชนะย่อยได้ทั้งหมดประมาณร้อยละ 0.7 และ 7 เมื่อคิดต่อน้ำหนักแห้งจะมีค่าโปรตีนและโภชนะย่อยได้สูงถึงร้อยละ 7 และ 70 ตามลำดับ
ปกติวัวชอบกินเปลือกสับปะรด ยิ่งเปลือกที่ทิ้งไว้ 2-3 วัน สีออกเป็นน้ำตาลเทา ๆ มีกลิ่นเหม็นเล็กน้อย วัวจะชอบกินมากกว่าเปลือกสด
ดังนั้น หากเลี้ยงวัวในแหล่งที่มีโรงงานสับปะรด จึงใช้เปลือกสับปะรดเป็นอาหารเลี้ยงวัวได้ทั้งฝูง และวัวขุน
โดยนำเปลือกมากองทิ้งไว้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง จึงใช้เป็นอาหารเลี้ยงวัวได้เป็นการลงทุนที่น้อยที่สุด แต่ให้ผลตอบแทนสูง
5. จุก
เติบโตขึ้นเหมือนสับปะรดหลังจากดอกดรยไปแล้ว จุกจะมีน้ำหนักทั่วไปตั้งแต่อายุ 0.075-0.2 กิโลกรัม ให้ผลตามธรรมชาติเมื่อมีอายุ 22- 24 เดือน
สับปะรด อัศวินแห่งผลไม้
สรรพคุณของสับปะรด
สับปะรด...มีสรรพคุณในการช่วยย่อยอาหารประเภทโปรตีน วิตามินซี ในสับปะรดช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดอออกตามไรฟัน ช่วยลดการอักเสบ บวม และใช้เป็นยาขับถ่ายปัสสาวะเพิ่มฤทธิ์รักษามะเร็ง ในปัจจุบันมียาที่ผลิตจากเอนไซม์สับปะรด มี สรรพคุณใช้เป็นยาแก้อักเสบโดยใช้ชื่อว่า อนาเนสฟอร์เต้หากแยกผลสับปะรดออกเป็นส่วนๆจะได้สารอาหารหลักดังนี้
เหง้า มี Protein
ลำต้น มี Bromelain, Peroxidase, Amylase, Proteinase
ใบ มี Hemicellulose, Bromelain, Campestanol
ผล มี Acetaldehyde, Ethyl acetate, Acetone
น้ำมันหอมระเหย มี Isobutanol.
ส่วนต่างๆ ของสับปะรดใช้ประโยชน์ได้ดังนี้
ส่วนต่างๆ ของสับปะรดใช้ประโยชน์ได้ดังนี้
ราก -แก้นิ่ว ขับปัสสาวะ แก้กระษัย ทำให้ไตมีสุขภาพดี แก้หนองใน แก้มุตกิดระดูขาว แก้ขัดข้อ
หนาม - แก้พิษฝีต่างๆ แก้ไข้ ลดความร้อน ไข้พา ไข้กาฬ
ใบสด - เป็นยาถ่าย ฆ่าพยาธิในท้อง ยาขับปัสสาวะ แก้กระษัย
ผลดิบ - ใช้ห้ามโลหิต แก้โรคทางเดินปัสสาวะ ฆ่าพยาธิ และขับระดู
ผลสุก - ขับปัสสาวะ ขับเหงื่อ และบำรุงกำลัง ช่วยย่อยอาหาร แก้หนองใน มุตกิด กัดเสมหะในลำคอ
ไส้กลางสับปะรด – แก้ขัดเบา
เปลือก - ขับปัสสาวะ แก้กระษัย ทำให้ไตมีสุขภาพดี
จุก - ขับปัสสาวะ แก้นิ่ว แก้หนองใน มุตกิดระดูขาว
แขนง – แก้โรคนิ่ว
ยอดอ่อนสับปะรด - แก้นิ่วคุณประโยชน์โดยรวมจากสับปะรด
ใครที่ชอบรับประทานสับปะรด ทราบหรือไม่ว่า สับปะรดนั้นมีประโยชน์อย่างไร วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน...สับปะรด เป็นผลไม้ที่หารับประทานได้ในบ้านเราตลอดทั้งปี มีประโยชน์ต่อสุขภาพจนไม่ควรมองข้าม เรามาทำความรู้จักประโยชน์ของสับปะรดกันดีกว่า
1. ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง รับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้นก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินซี ที่สำคัญคือวิตามินช่วยในการทำงานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อและต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ การรับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้นจึงเป็นการเพิ่มแรงต้านทานโรคให้แก่ร่าง กายแต่ในผู้ที่มีเลือดจางไม่ควรกินมากนัก
2. ช่วยในการย่อยอาหาร สับปะรดมีกากใยอาหารอาหารมากซึ่งมีความสำคัญกับการย่อยอาหาร และเป็นที่รู้กันอยู่ว่ากากใยอาหารช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือดและช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็ง
3. ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี สับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแมงกานีสที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระที่จะทำลายโครงสร้างของ เซลล์ และอาจทำให้เป็นโรคหัวใจและอัมพฤกษ์ อัมพาต นอกจากนี้ สารแอนตี้ออกซิแดนท์ยังมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย
4. ป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำและลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งเต้านม เพราะสับปะรด มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยป้องกันการเติบโตของเซลล์ร้ายในปอด ป้องกันมะเร็งรังไข่
5. ช่วยป้องกันโรคต่างๆ การรับประทานผักและผลไม้ให้ได้วันละ 5 กำมือจะช่วยลดการเสียชีวิตด้วยโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือมะเร็งได้ถึง 20%การรับประทานสับปะรดเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรค ไตอักเสบ ความดันโลหิตสูง หลอดลมอักเสบ สับปะรดที่เริ่มนิ่ม มีน้ำเหนียวๆ ไหลออกมา แสดงว่าสุกมากเกินไปและเริ่มเน่า ไม่ควรรับประทาน
6. ช่วยให้เหงือกแข็งแรง สับปะรดช่วยให้สุขภาพในช่องปากแข็งแรง เนื่องจากสับปะรดมีวิตามินสูงที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากโรคเหงือกได้
7. ช่วยยับยั้งการอักเสบ เอนไซม์ Bromelain ในสับปะรดจะช่วยยับยั้งการอักเสบ ทั้งนี้ ชาวอเมริกาใต้โบราณใช้สับปะรดเป็นยารักษาโรคผิวหนังและรักษาบาดแผล
แม้ว่าสับปะรดจะมีประโยชน์มาก แต่ก็ควรกินพอประมาณ เช่น วันละหนึ่งชิ้น และกินผลไม้อื่นๆ ให้หลากหลายด้วย เพราะการกินอะไรที่มากเกินไปก็ย่อมให้ผลเสียทั้งนั้น
6. ช่วยให้เหงือกแข็งแรง สับปะรดช่วยให้สุขภาพในช่องปากแข็งแรง เนื่องจากสับปะรดมีวิตามินสูงที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากโรคเหงือกได้
7. ช่วยยับยั้งการอักเสบ เอนไซม์ Bromelain ในสับปะรดจะช่วยยับยั้งการอักเสบ ทั้งนี้ ชาวอเมริกาใต้โบราณใช้สับปะรดเป็นยารักษาโรคผิวหนังและรักษาบาดแผล
แม้ว่าสับปะรดจะมีประโยชน์มาก แต่ก็ควรกินพอประมาณ เช่น วันละหนึ่งชิ้น และกินผลไม้อื่นๆ ให้หลากหลายด้วย เพราะการกินอะไรที่มากเกินไปก็ย่อมให้ผลเสียทั้งนั้น
สับปะรดกับการรักษาโรค
สับปะรดแก้อาการขัดเบา
แก้อาการขัดเบา ช่วยขับปัสสาวะ โดยใช้เหง้าสดหรือแห้งวันละ 1 กำมือ (สด หนัก 200-250 กรัม แห้ง หนัก 90-100กรัม) ต้มกับน้ำดื่ม ครั้งละ 1ถ้วยชา (75มิลลิลิตร) ใช้ดื่มวันละ3 ครั้ง ก่อนอาหาร
เพราะในเหง้าและตะเกียงของสับปะรด มีสรรพคุณใช้ดื่มขับปัสสาวะ ขับนิ่ว แก้มุตกิด (ระดูขาว) ใช้แก้หนองในสารโบรเมเลน อาจจะไปกระตุ้น ให้ร่างกายสร้าง lgE ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ หอบหืด ผู้มีภูมิแพ้ อาจเกิดอาการแพ้ในระบบทางเดินอาหารได้
สับปะรดรักษามะเร็ง
นายเทรซี ไมนอตต์ นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัยการแพทย์ รัฐควีนส์แลนด์ สหรัฐอเมริกาพบว่า โมเลกุลสองชนิด คือCCZ และของโบรเมเลน ซึ่งเป็นเอนไซม์อย่างหนึ่งที่สกัดจากแกนสับปะรดที่ใช้ในการคลุกกับเนื้อเพื่อให้เปื่อยนุ่ม ใช้ในอุตสาหกรรมทำเบียร์ เพ่อให้น้ำเบียร์ บริสุทธิ์ และอุตสาหกรรมฟอกหนังต่างๆ มีฤทธิ์ในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรค ให้ตื่นตัวและกำจัดเซลล์มะเร็งได้หลายชนิด เช่น มะเร็ง ทรวงอก ปอด ลำไส้ รังไข่ และผิวหนัง ซึ่งโมเลกุลทั้งสองออกฤทธิ์มากกว่ายารักษาโรคมะเร็ง ที่ใช้กันอยู่ใน ปัจจุบันทั้งหมด
นายไมนอตต์จึงเชื่อมั่นว่า สารสกัดจากสับปะรดเป็นยารักษาโรคมะเร็งชนิดใหม่ได้โดยทางสถาบัน ได้ค้นคว้าในเรื่องดังกล่าวมาเป็นเวลา 2 ปี เพื่อหาวิธีนำสารสกัดดังกล่าวมาใช้ให้ได้ผลโดยปลอดภัยและหากพบความสำเร็จจะผลิตยาขึ้นใช้ในไม่ช้านี้
สับปะรดรักษาเบาหวาน
เตรียมสับปะรด 1 ลูก ปอกเปลือกและตัดตาให้เรียบร้อยพร้อมกับใบโหระพา1 กำมือ ปั่นรวมกันให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำใช้ดื่มวันละ1 เวลา หลังอาหารเย็นทันที ประมาณ1 ถ้วยกาแฟ หากเหลือให้เก็บไว้ในตู้เย็นไว้รับประทานวันต่อไปได้
ลับปะรดรักษาไตวาย
เตรียมสับปะรดทั้งเปลือก 1 ลูก กับสารส้ม (บดแล้ว) ประมาณครึ่งช้อนกาแฟ ต้มสารส้มกับสับปะรดโดยน้ำเปล่าให้ท่วมสับปะรด ต้มจนสับปะรดเปื่อยแล้วกรองเอาแต่น้ำมาดื่ม ประมาณวันละ 1 ถ้วยกาแฟ วันละ 2ครั้ง หลังอาหาร เช้า-เย็น (หากอยู่ในระหว่างแพทย์คุมปริมาณน้ำ) ให้ดื่มน้ำยาในปริมาณที่แพทย์อนุญาต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น